วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

ตอนจบของโดราเอมอน+.+

ว่ากันว่า ฉากจบของโดราเอมอนมีสองแบบ ???




ตอนจบของโดราเอมอน แบบที่ 1
เย็นของวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันธรรมดาทั่ว ๆไป โนบิตะกลับมาจากโรงเรียน ขึ้นไปยังห้องนอนและพบโดราเอมอนกำลังนอนหลับอยู่เหมือนปกติ “นี่ ! โดราเอมอนตื่นมาเล่นกันเถอะ” แต่โดราเอมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะคิดว่าโดราเอมอนคงเหนื่อยมาก จึงปลุกไม่ตื่น ดังนั้นโนบิตะ จึงออกไปเล่นกับชิซูกะ และ เพื่อนคนอื่น แล้วหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงโนบิตะกลับมายังบ้าน แต่โดราเอมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะรู้สึกแปลกใจ และพยายามปลุกโดราเอมอนก็ไม่ปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้นจากโดราเอมอน โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัวและเหนื่อยที่จะปลุกโดราเอมอน โนบิตะพยายามทำทุกอย่าง แต่โดราเอมอนก็ไม่ยอมตื่น โนบิตะรู้แล้วว่า มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปและมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โนบิตะเริ่มร้องไห้โฮ โดราเอมอนก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว และแล้วโนบิตะก็คิดอะไรขึ้นมาได้ 1 อย่าง และกระโดดเข้าไปในโต๊ะที่มีไทม์แมชชีน และ โนบิตะก็ได้ไปในอนาคตเพื่อที่จะพบโดเรมีน้องสาวของโดราเอมอน โนบิตะขอร้องให้โดเรมีช่วยและฝืนใจโดเรมีให้กลับมาในปี 1998 หลังจากที่มาถึง โดเรมีก็ได้เข้าไปตรวจสอบในตัวโดราเอมอนว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที โดเรมีก็บอกโนบิตะว่า “แบตเตอร์รี่หมด” โนบิตะถูกทำให้เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น และถามโดเรมีเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่า “แบตเตอรี่หมดหรือ ? อย่างงั้นโดราเอมอนก็ไม่เป็นไรสิ ใช่ไหม?... ถ้างั้น ช่วยเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่ให้หน่อย ทำให้โดราเอมอนกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม” โดเรมีมองมาที่โนบิตะ และสั่นหน้า แล้วพูดว่า “ฉันควรจะเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่หรือ” โนบิตะจึงถามกลับว่า “ทำไมโดเรมีจึงพูดอย่างนั้น” โดเรมีจึงตอบว่า แบตเตอร์รี่หลักของโดราเอมอนอยู่ตรงนี้ ใกล้กับกระเป๋าและก็ถูกใช้หมดแล้ว แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีแบตเตอร์รี่สำรองอยู่ที่หูแต่อย่างทีรู้ ๆ กันอยู่ว่า หูทั้งสองข้างของโดราเอมอนถูกหนูกินไปเมื่อหลายปีก่อนดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีแบตเตอรรี่สำรอง โนบิตะ จึงถามโดเรมี “เธอหมายความว่าไงน่ะ” ฉันหมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่โดราเอมอนจะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับโนบิตะตลอดกาล “แล้วฉันควรจะเปลี่ยนอย่างนั้นหรือ” “อะไรนะ” โนบิตะปิดตาแล้วก็ร้องไห้ ความเงียบเข้าครอบงำพวกเขาทั้งสองแต่...หลังจากนั้นไม่กี่นาที โนบิตะก็หยุดร้อง และพูดเบา ๆ กับโดเรมีว่า “ขอบคุณมาก ผมจะจัดการส่วนที่เหลือเอง เธอควรจะกลับไปยังอนาคตได้แล้ว” โดเรมีไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็เข้าไปกอดโนบิตะ แล้วโดเรมีก็ลาโนบิตะกลับบ้าน หลังจากที่โดเรมีกลับไปแล้ว โนบิตะก็อุ้มไปโดราเอมอนไว้บนชั้นที่เคยเป็นที่นอนของโดราเอมอน
ในปี 2010 โนบิตะโตเป็นผู้ใหญ่ ตั้งแต่วันนั้น โนบิตะก็เปลี่ยนแปลงและเรียนหนังสืออย่างหนัก และก็ไม่เคยร้องไห้อีก เขาอยู่ โดยไม่มีโดราเอมอน โนบิตะได้บอกชิซูกะและ เพื่อนๆ ทั้งหลายว่า โดราเอมอนต้องกลับไปยังอนาคตและไม่สามารถมาพบเพื่อนๆได้อีกแล้ว ชิซูกะประทับใจในตัวโนบิตะที่มีความเปลี่ยนแปลง และต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิงและทั้งสองก็รักกัน แล้วแต่งงานกันโนบิตะเป็นนักวิทยาศาสตร์ และทำห้องของเขาเป็นห้องทดลองขนาดย่อม และเขาก็ได้ตั้งใจทำงานอย่างหนักในงานของเขาและห้ามไม่ให้ชิซูกะเข้ามายังห้องทดลอง และแล้วันหนึ่งโนบิตะก็เรียกให้ชิซูกะเข้ามายังห้องทดลอง และมันเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะจะได้เข้ามายังห้องของสามีของเธอ ในขณะที่เธอเข้ามายังห้อง เธอถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เธอเห็นโดราเอมอนเพื่อนเก่าของเธอที่เคยเล่นด้วยกันในตอนที่ยังเป็นเด็ก โดราเอมอนไม่ขยับ และ เหมือนกับกำลังหลับ “ดูนี่! ชิซูกะผมจะเสียบปลั๊กแล้วนะ” โนบิตะเปิดสวิตช์หลัก บนตัวของโดราเอมอน ทันใดนั้นภาพที่เห็นก็คือโดราเอมอนค่อยๆ ลืมตาขึ้นเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เข้าใจได้ว่า ใครเป็นผู้ที่คิดค้นโดราเอมอนขึ้นมาซึ่งก็คือโนบิตะนั่นเอง เขาเรียนอย่างหนัก เพื่อที่ว่าจะได้พบ และพูดคุย กับโดราเอมอนเพื่อนรักของเขาที่มารู้จักกัน แล้วก็จากไป โนบิตะและชิซูกะร้องไห้อย่างเงียบ ๆ โดราเอมอนก็ลืมตาขึ้น และก็พูดว่า “ โนบิตะ!!! นายทำการบ้านเสร็จแล้วหรือไง..” ในช่วงเวลาตอนนั้น มันเหมือนกับมีก้อนเมฆสีขาวก้อนเดิมอยู่บนท้องฟ้า ช่างเหมือนกับเวลาแห่งความทรงจำในอดีต ที่พวกเขามีร่วมกันได้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง






ตอนจบของโดราเอมอน แบบที่ 2

วันหนึ่ง โนบิตะตื่นขึ้นมา เจอพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ครบทุกคนยืนอยู่รอบเตียงโบนิตะมองไปแล้วรู้ว่าเขาได้อยู่ในโรงพยาบาล แล้วโนบิตะก็ถามถึงโดราเอมอน แต่ทุกคนกลับปฏิเสธว่า “โดราเอมอนไหนจ๊ะลูก”แม่โนบิตะเอื้อมมือไปเตะหน้าผากของเขาและบอกโนบิตะว่าโนบิตะหลับมานานเป็นปีแล้ว เนื่องจากไม่สบาย โนบิตะก็นึกย้อนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโดราเอมอน ทั้งเพื่อนรัก ความสนุกสนาน ทั้งการผจญภัยต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความฝันเท่านั้นโดราเอมอน เซวาสึ มีจัง โดเรมี ล้วนเป็นความฝันของเขาทั้งสิ้น.... โนบิตะเป็นเพียงเด็กที่ไม่แข็งแรง ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆจึงไม่มีเพื่อนรักและแล้วเขาก็หลับไป ...
ฉากต่อมาเห็นพ่อแม่และเพื่อนๆของโนบิตะร้องไห้กันอยู่ ในงานนั้นก็คืองานศพของ โนบิตะนั้นเอง..เขาจากไปก่อนวัยอันควร..และเรื่องราวทุกอย่างก็จบลง ที่โนบิตะฝันถึงโดราเอมอนและอนาคตนั้นเป็นเพราะเขารู้ดีว่า เขาจะต้องตายในอีกไม่นาน เขาจึงอยากที่จะมีอนาคต มีเพื่อนรัก มีการผจญภัยสนุกสนาน แต่สุดท้ายฝันของเขาก็ไม่มีวันเป็นจริงได้... ตลอดไป

อันที่จริงตอนจบของเรื่องที่อาจารย์ ฟูจิโกะ และฟูจิโอะร่างไว้เป็นตอนจบจริงๆของโดราเอมอน ไม่ใช่โดราเอมอน กลับอนาคตหรอกนะ... แต่ของ original ที่ อ.ฟุจิโกะ เขียนเป็น story board ไว้ก่อนที่ อ. จะจากไปนั้นได้ยังไม่ได้มีการตกลงกันว่าจะออกตีพิมพ์หรือไม่ สุดท้ายตอนจบนี้ยังไม่ตกลงว่าจะออกพิมพ์หรือทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน แต่อย่างใดเพราะคงไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้ ก็เลยเป็นเพียงแค่บทร่างเท่านั้น และดิฉันยังเชื่อว่าใครหลายๆคน คงอยากให้โดราเอมอนเป็นการ์ตูนอมตะตลอดกาลตราบนานเท่านาน....



เทศกาลหิมะ Sapporo Snow Festival

เทศกาลหิมะ Sapporo Snow Festival มาถึงอีกแล้ว 5 -11 กุมภาพันธ์ 2010



เทศกาลหิมะซัปโปโร (Sapporo Snow Festival) เป็นหนึ่งในเทศกาลยิ่งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากในประเทศญี่ปุ่นเองและนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี ทุก ๆ ฤดูหนาว มีนักท่องเที่ยวประมาณ 2 ล้านคนมาซัปโปโร เพื่อมาชมความงามของรูปปั้นน้ำแข็งและประติมากรรมน้ำแข็งนับหลายร้อยซึ่งเรียงรายอยู่ในสวนสาธารณะ Odori Park หรือที่บริเวณ Community Dome Tsudome และถนนสายหลักใน Susukino เป็นเวลา 7 วันในเดือนกุมภาพันธ์ รูปปั้นและประติมากรรมเหล่านี้ (มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่) จะเนรมิตให้เมืองซัปโปโรกลายเป็นดินแดนแห่งความฝันของฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งดุจคริลตัลและหิมะสีขาว เทศกาลหิมะซัปโปโรครั้งที่ 61(61st Sapporo Snow Festival) จะจัดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ถึง วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ 2010